ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมประกอบด้วย
1. การวิเคราะห์ปัญหา เพื่อกำหนดการประมวลผลที่ต้องการ
2. การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม เพื่อเป็นแนวทางการเขียนโปรแกรม
3. การลงรหัสโปรแกรม เพื่อเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาใดภาษาหนึ่ง
4. การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม เพื่อให้โปรแกรมกำหนดการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้อย่างถูกต้อง
5. การทำเอกประกอบโปรแกรมเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รู้จัการใช้โปรแกรม นอกจากนี้ยังใช้เอกสารประกอบการ
ตรวจสอบและแก้ไขปรับปรุงโปรแกรม
--------------------------------------------------------------------------------
การวิเคราะห์ปัญหา
การวิเคราะห์ปัญหาเป็นขั้นตอนแรกของการพัฒนาโปรแกรม การวิเคราะห์ปัญหาจะประกอบด้วย
ก. กำหนดวัตถุประสงค์ของงานเพื่อพิจารณาว่าโปรแกรมต้องทำการประมวลผลอะไรบ้าง
ข. พิจารณาข้อมูลนำเข้า เพื่อให้ทราบว่าจะต้องนำข้อมูลอะไรเข้าคอมพิวเตอร์ ข้อมูลมี คุณสมบัติเป็นอย่างไร
ลักษณะและรูปแบบของข้อมูลที่จะนำเข้า
ค. พิจารณาการประมวลผล เพื่อให้ทราบว่าโปรแกรมมีขั้นตอนการประมวลผลอย่างไรและมีเงื่อนไขการประมวลผลอะไรบ้าง
ง. พิจารณาข้อสนเทศนำออก เพื่อให้ทราบว่ามีข้อสนเทศอะไรที่จะแสดง ตลอดจนรูปแบบและสื่อที่จะใช้ในการแสดงผล
ตัวอย่างที่ 1.1 การวิเคราะห์ปัญหา
จงหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
การวิเคราะห์ปัญหา
กำหนดวัตถุประสงค์ (สิ่งที่โจทย์ต้องการ)
เพื่อหาพื้นที่ของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและแสดงผลลัพธ์ออกทางจอภาพ
พิจารณาข้อมูลนำเข้า
รายการข้อมูล ขนาดข้อมูล ลักษณะข้อมูล ตัวอย่าง
ความกว้าง(wide) 3 หลัก ตัวเลข 100
ความยาว (long) 3 หลัก ตัวเลข 230
พิจารณาวิธีประมวลผล
1. เริ่มต้นทำงาน
2. รับความกว้างของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
3. ความความยาวของรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
4. คำนวณพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
5. แสดงผลลัพธ์พื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
6. จบการทำงาน
พิจารณาข้อสนเทศนำออก
การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรม
การออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมเป็นขั้นตอนที่สองการพัฒนาโปรแกรม ซึ่งจะให้ผลเป็นแนวทางการลงรหัสโปรแกรม ผู้ออกแบบขั้นตอนการทำงานของโปรแกรมอาจใช้เครื่องมือต่างๆ ช่วยในการออกแบบ เครื่องมือชนิดหนึ่งที่นิยมใช้ออกแบบโปรแกรม
คือผังงาน (Flow chart)
ผังงาน (Flow chart)
คือ วิธีการออกแบบโปรแกรมอย่างเป็นขั้นตอนและมีเหตุมีผล โดยการใช้สัญลักษณ์และ ตัวอักษรประกอบการอธิบายในแต่ละขั้นตอน เพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมและผู้สนใจทั่วไปสามารถเข้าใจความหมายได้
ตารางแสดงตัวอย่างของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่มีใช้ใน Flowchart
สัญลักษณ์ รูปภาพ
จุดเริ่มต้นหรือจุดจบของโปรแกรม (Terminal)
ข้อมูลเข้า/ออก (Input/Output)
การประมวลผล (Process)
การตัดสินใจ (Decision หรือ Selection)
ข้อมูลออกทางจอภาพ (Display)
ทิศทางของขั้นตอนการดำเนินงาน (Flow line)
จุดที่มีการเชื่อมต่อ (Connector)
จุดต่อหน้าใหม่ (Off Page Connector)
ตัวอย่างที่ 1.2
การเขียนผังงานโครงสร้างของโปรแกรม โดยอาศัยผลจากการวิเคราะห์ปัญหาของตัวอย่างที่ 1.1
3. การลงรหัสโปรแกรม
การลงรหัสโปรแกรมเป็นภาษานำผลลัพธ์ของการออกแบบโปรแกรมเปลี่ยนให้เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาใดภาษาหนึ่งผู้เขียนโปรแกรมจะต้องให้ความสนใจต่อรูปแบบคำสั่งและกฎเกณฑ์ของภาษาที่ใช้เพื่อให้การ
ประมวลผลเป็นไปตามผลลัพธ์ที่ได้ออกแบบไว้นอกจากนั้นผู้เขียนโปรแกรมควรแทรกคำอธิบายการทำงานต่างๆ
ลงในโปรแกรมเพื่อให้โปรแกรมนั้นมีความกระจ่างชัดและง่ายต่อการ ตรวจสอบและโปรแกรมนี้ยังใช้เป็นส่วนหนึ่ง
ของเอกสารประกอบ
4. การทดสอบและการแก้ไขโปรแกรม
การทดสอบโปรแกรมเป็นการนำโปรแกรมที่ลงรหัสแล้วเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบรูปแบบกฎเกณฑ์ของภาษา
และผลการทำงานของโปรแกรมนั้นถ้าพบว่ายังไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูกต้องต่อไป
5. การทำเอกสารประกอบโปรแกรม
การทำเอกสารประกอบโปรแกรมเป็นงานที่สำคัญของการพัฒนาโปรแกรม เอกสารประกอบโปรแกรม
ช่วยให้ผู้ใช้โปรแกรมเข้าใจวัตถุประสงค์ ข้อมูลที่จะต้องใช้กับโปรแกรม ตลอดจนผลลัพธ์ที่จะได้จากโปรแกรม
การทำโปรแกรมทุกโปรแกรมจึงควรต้องทำเอกสารกำกับโดยรวบรวมรายละเอียดตั้งแต่การพัฒนาโปรแกรม
จนถึงการทดสอบโปรแกรมเพื่อใช้สำหรับการอ้างอิงเมื่อจะใช้งานโปรแกรมและเมื่อต้องการแก้ไขปรับปรุงโปรแกรม
ลักษณะโปรแกรมที่ดี
1. ได้ผลลัพธ์ถูกต้องตามต้องการถ้าได้มีการวิเคราะห์ปัญหาและพัฒนาโปรแกรมอย่างมีระบบ
2. ตรวจสอบความถูกต้องของรูปแบบของข้อมูลได้
3. ต้องมีรูปแบบของโปรแกรทที่นักคอมพิวเตอร์ทั่วไปสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายโดยโปรแกรมที่เขียนขึ้น
ควรมีรูปแบบการประมวลผลอย่างเป็นระบบและมีคำอธิบายที่ช่วยให้เข้าใจดีขึ้น
4. ต้องเอื้ออำนวยต่อการปรับปรุงแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และต้องมีเอกสารประกอบโปรแกรมที่พัฒนาด้วย
ที่มา : http://www.cr3.go.th/ict/2.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น